คอลลาเจน เป็นหนึ่งในโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกาย และเป็นส่วนประกอบสำคัญในโครงสร้างของผิวหนัง เส้นผม และเล็บ ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น นอกจากผิวหนังแล้วคอลลาเจนยังเป็นส่วนประกอบของกระดูก กระดูกอ่อน เอ็นกล้ามเนื้อ และข้อต่อ ซึ่งพบว่ามีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลักสูงถึง 60%
แท้จริงแล้วคอลลาเจนสามารถแบ่งออกได้มากกว่า 20 ชนิด แต่ชนิดที่มีความสำคัญและพบมากในร่างกายมี 3 ชนิด ได้แก่
คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen type I) เป็นคอลลาเจนชนิดที่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกาย พบมากในผิวหนัง ประมาณ 90% นอกจากนั้นยังพบได้ในกระดูก เส้นเอ็น หลอดเลือด คอลลาเจนชนิดนี้มีความสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น การสมานบาดแผล ปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด
คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen type II) เป็นคอลลาเจนที่พบมากในกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ทำหน้าที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน ช่วยซ่อมแซมข้อต่อที่มีความเสียหายหรือสึกหรอ โดยกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เซลล์ใหม่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีการสังเคราะห์กรดไฮยารูรอนิกเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้น สุขภาพที่ดีของข้อต่อต่าง ๆ นั้นขึ้นอยู่กับกระดูกอ่อนที่สร้างจากคอลลาเจนประเภทที่ 2 เป็นหลัก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันอาการเจ็บข้อต่อเมื่ออายุมากขึ้น หรืออาการของโรคไขข้อต่าง ๆ
คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen type III) พบได้น้อยเพียง 10% มักพบในผิวหนังที่มีการสร้างขึ้นใหม่ เช่น ผิวหนังที่มีบาดแผล ผิวหนังเด็ก เป็นต้น และยังทำหน้าที่ช่วยเสริมโปรตีนในกระดูกและเนื้อเยื่อต่าง ๆ อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนมีความสำคัญกับการทำงานของร่างกายเป็นอย่างมาก หากร่างกายขาดคอลลาเจนจะทำให้ผิวหนังหยาบกร้าน ไม่เต่งตึง มีริ้วรอยแลดูแก่ก่อนวัย บาดแผลหายช้า มีอาการปวดเข่า ข้อติดขัดเคลื่อนไหวไม่สะดวก สุขภาพร่างกายโดยรวมไม่แข็งแรง และผมหลุดร่วงง่าย
พบว่าร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เอง แต่เมื่ออายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะมีการสร้างคอลลาเจนลดลงตามธรรมชาติ ทำให้ผิวเริ่มเหี่ยวย่น มีริ้วรอย และเริ่มมีอาการปวดตามข้อตามมา นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าหญิงวัยหมดประจำเดือนและผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ผิวหนังจะเริ่มมีริ้วรอย ไม่เต่งตึงเหมือนวัยหนุ่มสาว ข้อไม่แข็งแรง และมีโรคข้อเสื่อมต่าง ๆ ตามมา
โดยหากต้องการลดปัญหาเรื่องข้อเสื่อม ปวดตามข้อ ข้อมีอาการติดขัด และบำรุงข้อกระดูกอ่อน ควรเลือกรับประทานคอลลาเจนเสริมชนิดที่ 2 ซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อการทำงานของข้อและกระดูกอ่อนโดยเฉพาะ ซึ่งต้องเป็นคอลลาเจนที่มีความจำเพาะสำหรับข้อ เช่น “ยูซีทู” (Undenatured Collagen Type II; UC-II) เป็นคอลลาเจนที่ยังไม่ถูกทำลายคุณประโยชน์ ด้วยการใช้กระบวนการสกัดที่ไม่ใช้ความร้อน ทำให้คอลลาเจนมีโครงสร้างสมบูรณ์ใกล้เคียงกับที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ จึงช่วยในกระบวนการสังเคราะห์ข้อกระดูกอ่อน โดยเสริมสร้าง Collagen type II ให้แก่ข้อกระดูกอ่อน จึงสามารถป้องกันและรักษาอาการโรคข้อเสื่อมหรือข้ออักเสบได้
การป้องกันการเกิดปัญหาโรคข้อเสื่อม และความเหี่ยวชราก่อนวัยนั้น ไม่ใช่เรื่องของวัยทองหรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น แต่ต้องเริ่มตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นและวัย 30 ปีขึ้นไป โดยการรับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนสูง เช่น ถั่วเหลือง ผักใบเขียว ถั่ว ผัก-ผลไม้สีแดง วิตามินซี ลูกพรุน กรดโอเมก้า หอยนางรม และกระดูกอ่อนของปลาต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงวัยทองรวมถึงผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ควรรับประทานคอลลาเจนเสริม เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับคอลลาเจนในปริมาณที่เพียงพอ ต่อการทำงานของร่างกาย เนื่องจากบางคนอาจได้รับจากอาหารที่รับประทานไม่ครบถ้วน การเสริมคอลลาเจนจะยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เพราะปริมาณคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เองจะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเราสามารถหันมารับประทาน “ยูซีทู” (Undenatured Collagen Type II; UC-II) คอลลาเจนชนิดที่ 2 นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา สกัดจากเอ็นกระดูกอ่อนไก่ด้วยอุณหภูมิต่ำ ของ M TALE CALLAGEN อีกทางเลือกเพื่อข้อที่แข็งแรง
เอกสารอ้างอิง
* Advanced Drug Delivery Reviews. https://core.ac.uk/download/pdf/2756387.pdf. 2003.