ทุกวันนี้การดูแลสุขภาพมีมากมายหลายวิธีมากขึ้น การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ทำให้การศึกษาและพัฒนาอาหารเสริม สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้แบบตรงจุดมากขึ้น อาหารเสริมจึงเข้ามีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพ แต่ด้วยความเข้าใจผิดทำให้ผู้บริโภคหลายท่านคิดว่า อาหารเสริมและยาเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ความเป็นจริงทั้งสองอย่างนั้นมีความแตกต่างกันมากเลยทีเดียวค่ะ
วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ใช่ยา
วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ ไม่ใช่ยาจึงไม่มีผลในการรักษาโรค เปลี่ยนแปลงร่างกาย หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต่าง ๆ ของร่างกาย แต่เป็นตัวช่วยส่งเสริมสุขภาพในด้านต่าง ๆ ตามที่เราต้องการโดยการเลือกใช้สารสกัดที่เหมาะสม
วิตามินเป็นสารอินทรีย์ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง ทำงานได้เป็นปกติ วิตามินบางชนิดร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง จำเป็นต้องได้รับประทานเสริมเข้าไป เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ
นอกจากนี้ อาหารเสริม ยังหมายถึง อาหารจากธรรมชาติที่รับประทานเสริมเป็นพิเศษจากอาหารหลัก 3 มื้อ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการดูแลสุขภาพ บำรุงร่างกาย เพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย ช่วยเสริมสารอาหารที่ร่างกายขาดหายไป ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไม่ใช่ยา เพราะยาต้องเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อร่างกายหรือโครงสร้างในร่างกาย ใช้ในการรักษา บำบัด หรือบรรเทาโรคต่าง ๆ ให้หายหรือทุเลาลง ซึ่งมีทั้งยาที่สังเคราะห์จากสารเคมี และยาที่สังเคราะห์จากพืชสมุนไพร
หลักการเลือกวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้เหมาะกับตนเอง
การเลือกวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้เหมาะสม จะต้องพิจารณาจากพื้นฐานสุขภาพร่างกายหลาย ๆ อย่างร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นอายุ โรคประจำตัว การใช้ยา ความหนักเบาของอาการ การดูแลสุขภาพตนเอง การขับถ่าย เป็นต้น โดยหากเป็นผู้สูงอายุควรเลือกรับประทานอาหารเสริมที่ไม่มีผลเสียต่อตับและไต เพราะผู้ที่มีอายุมากขึ้นมักพบปัญหาเรื่องโรคตับและโรคไตตามมาอาจเกิดผลเสียได้
การมีโรคประจำตัวบางชนิด อาจใช้อาหารเสริม/สมุนไพรบางชนิดไม่ได้ เช่น โรคเลือดไหลไม่หยุดหรือผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงอาหารเสริมประเภทใบแปะก๊วย น้ำมันปลา น้ำมันกระเทียม เพราะอาจทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น เป็นต้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาการขับถ่าย อาจพิจารณาเลือกอาหารเสริมที่มีปริมาณกากใยสูง มีพรีไบโอติกส์ และโพรไบโอติกส์ เพื่อช่วยในการขับถ่าย
หลักการรับประทานวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
การรับประทานวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้ได้ผล ควรรับประทานตามปริมาณที่กำหนด และมีความต่อเนื่องตามระยะเวลาที่แนะนำ โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลเมื่อรับประทานต่อเนื่อง 2-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับบุคคล สภาพร่างกาย และความรุนแรงของอาการ) บางท่านอาจพบว่าขณะที่ทานแล้วได้ผล เมื่อหยุดทานแล้วก็ไม่ได้ผลลัพท์ที่ดีเหมือนตอนทานนั้น เป็นเรื่องปกติที่พบได้เสมอ เพราะร่างกายยังคงต้องได้รับสารนั้น ๆ เสริมเพื่อให้ออกฤทธิ์กับร่างกายตามต้องการ ดังนั้น หากท่านทานแล้วได้ผลดี ก็ควรรับประทานทานต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุด แต่หากเป็นผู้สูงอายุ อาจพิจารณาตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะการตรวจค่าตับและค่าไต เพื่อเป็นการยืนยันว่าสุขภาพของท่านพร้อมที่จะรับประทานอาหารเสริมได้อย่างต่อเนื่อง
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในประเภทเดียวกัน เพราะอะไรทานบางยี่ห้อแล้วได้ผลดี แต่บางยี่ห้อไม่เห็นผล
ประเด็นนี้เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เนื่องจากอาหารเสริมแต่ละยี่ห้อมีมาตรฐาน ความปลอดภัย ปริมาณที่ใช้ รูปแบบของส่วนประกอบที่ต่างกันส่งผลต่อการดูดซึม ยังไม่นับรวมอาหารเสริมที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับการรับรองจากอ.ย. ที่อาจทำให้ท่านเกิดอันตรายจากอาหารเสริมได้ ดังนั้น เบื้องต้นควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนั้น ๆ มีอ.ย.รับรอง สามารถเชื่อถือได้ นอกจากนี้ ควรพิจารณาส่วนประกอบ แหล่งที่มาของส่วนประกอบ ปริมาณที่ใช้ ให้มีความเหมาะสมพอที่จะรับประทานแล้วเห็นผลลัพธ์ และโรงงานที่ผลิตมีมาตรฐานน่าเชื่อถือ สะอาด ปลอดภัย ไม่มีการเติมสารปลอมปน
ข้อแนะนำในการดูแลตนเองขณะที่ใช้และหลังใช้
เมื่อตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคววามปลอดภัยน่าเชื่อถือมาใช้แล้ว ระหว่างการใช้อาหารเสริมควรติดตามดูตนเอง ว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีจากการรับประทานหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรด่วนตัดสินใจ ควรรอระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน เพราะอาหารเสริมไม่ใช่ยา จึงไม่เห็นผลปุบปับต้องค่อย ๆ รอให้ร่างกายมีการปรับสมดุล
อาการบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายในช่วงที่ทานอาหารเสริม เช่น สิวขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ปวดมวนท้อง อาจเกิดขึ้นได้ในบางคน ซึ่งอาจเกิดจากพื้นฐานสุขภาพตนเองที่ไม่สมดุล และอยู่ระหว่างที่อาหารเสริมเข้าไปปรับสมดุลร่างกาย จึงควรทำความเข้าใจและรอเวลา แต่หากรับประทานอย่างน้อย 4-6 เดือน แล้วยังไม่ได้ผลดีหรือเกิดผลเสียมากขึ้น อาจพิจารณาหยุดและเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นแทน เพราะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อ อาจไม่ได้เหมาะสมสำหรับทุกคน