เมื่อคนเราเริ่มมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทองแล้วนั้น ร่างกายก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในส่วนของผิวพรรณที่เริ่มหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเพิ่มขึ้น รวมถึงขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น มีพุง หากปล่อยเลยไปก็จะเกิดภาวะอ้วนได้ ภาวะอ้วนในคนวัยทองทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ตามมาได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง เป็นต้น วันนี้เราจะพามาดูกันว่าเพราะสาเหตุใดทำให้วัยทองอ้วนได้ง่าย รวมถึงวิธีการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะอ้วนกันค่ะ
สาเหตุที่ทำให้วัย 40+ อ้วนง่าย
วัย 40+ มักอ้วนง่าย อ้วนลงพุง ระบบย่อยอาหารผิดปกติ ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องผูก และมักพบความผิดปกติของระบบขับถ่ายที่ไม่ปกติ เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
1. ฮอร์โมนเพศลดลง
ตามอายุที่มากขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งส่งผลทำให้
2. จุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้ลดลง
สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีประโยชน์นี้รู้จักกันในชื่อ “โพรไบโอติก” ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ที่มีสภาวะและมีอาหารเหมาะสม ทำหน้าที่ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนต่าง ๆ และควบคุมการย่อยอาหารให้เป็นปกติ ยิ่งมีจุลินทรีย์เหล่านี้มากร่างกายของเราก็จะแข็งแรง มีสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดี มีความสุข อย่างไรก็ตามวัย 40+ มักพบว่ามีการลดลงของโพรไบโอติก ทำให้เกิดปัญหาการย่อย มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูกตามมมาหากปล่อยไว้นาน ๆ
3. การรับประทานอาหารกลุ่มไฟเบอร์หรือกากใยอาหารลดลง
การรับประทานอาหารประเภทกากใยอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ เมล็ดแมงลัก ไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ร่างกายท้องผูก ไฟเบอร์ปกติทำหน้าที่ช่วยดักจับไขมัน พอมีปริมาณน้อยจึงทำให้เกิดปัญหาอ้วนได้ง่ายกว่าปกติ
4. อารมณ์ที่ขุ่นมัวหรือความเครียด
เนื่องจากฮอร์โมนเพศที่ลดลงทำให้วัย 40+ เกิดความหงุดหงิดได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อมีสิ่งมากระทบจิตใจ ทำให้เกิดความเครียดตามมา เมื่อมีความเครียดร่างกายจึงตอบสนองด้วยการรับประทานมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาลเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานไปเลี้ยงสมอง และทำให้ร่างกายมีความสุขจากการรับประทานเพื่อชดเชยความเครียด ส่งผลให้ร่างกายอ้วนได้ง่ายกว่าวัยอื่น ๆ
วิธีการแก้ปัญหาภาวะอ้วนง่ายในวัย 40+ และวัยทอง
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
หากคุณไม่อยากเป็นคนวัยทองที่มีภาวะอ้วนแล้วละก็ ควรให้ความสำคัญกับการรับประทานรับอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงการทานขนมหวาน เน้นการรับประทานข้าว/ธัญพืชไม่ขัดสี รับประทานผัก/ผลไม้ครึ่งหนึ่งของมื้ออาหาร และจะยิ่งดีหากเป็นผักที่มีกากใย/ไฟเบอร์สูง การรับประทานพรีไบโอติกส์ เช่น ไซเลี่ยมฮัสก์ กีวี่สีทอง หรือการรับประทานโพรไบโอติกเพิ่มเติม เพราะจะช่วยลดอาการท้องผูก ช่วยดักจับไขมัน และปรับสมดุลลำไส้
2. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
เพราะการดื่มแอลกอฮอล์เป็นการเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย โดยที่ไม่ได้เพิ่มสารอาหารใด ๆ นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ส่งผลให้สารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
3. การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะช่วยให้ระบบการเผาผลาญอาหารของร่างกายดีขึ้น สามารถช่วยลดภาวะอ้วนได้ดี
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอย่างสมดุล ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเป็นปกติ
5. ปรับอารมณ์ให้สดชื่น หลีกเลี่ยงความเครียด
เพราะความเครียดและอารมณ์หงุดหงิด จะทำให้ร่างกายรับประทานอาหารมากขึ้นโดยไม่จำเป็น การมีอารมณ์ที่สดชื่นจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีความสุข
“PROFIBERRY” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์สูงสุดต่อลำไส้ เนื่องจากมีส่วนประกอบของจุลินทรีย์ตัวดี (Bacillus coagulans) และอาหารของจุลินทรีย์ตัวดี ช่วยให้ร่างกายได้ประโยชน์สูงกว่าการได้รับโพรไบโอติกส์เดี่ยว ๆ ช่วยสร้างสมดุลลำไส้ ช่วยปรับระบบย่อยอาหารให้เป็นปกติ การย่อยดีขึ้น เพิ่มกากใยอาหารหรือไฟเบอร์ช่วยลดการเกิดท้องผูก แน่นท้อง ช่วยขับอุจจาระหรือของเสียตกค้างในลำไส้ ช่วยดักจับไขมันส่วนเกิน จึงมีส่วนช่วยลดหน้าท้องและพุง “PROFIBERRY” ช่วยสร้างสมดุลของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ สุขภาพโดยรวมของร่างกายจึงดีขึ้นพร้อมความปลอดภัยค่ะ
เอกสารอ้างอิง