เมื่ออายุเข้าสู่และเลยวัย 40 ปี ร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงของวัยทอง ฮอร์โมนต่าง ๆ ภายในร่างกายจะสร้างน้อยลง เห็นได้ชัดว่าจะมีประจำเดือนน้อยลง หรือหมดประจำเดือน ซึ่งจะเริ่มหมดประจำเดือนช่วงอายุ 45-50 ปี เป็นต้นไป นอกจากนี้ ความแข็งแรงของกระดูกจะลดลง ระดับคอเลสเตอรอลจะเพิ่มขึ้น รวมถึงความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระในร่างกายจะลดลงอีกด้วย
อนุมูลอิสระ (Free radicle) จะถูกสร้างขึ้นในร่างกายโดยธรรมชาติ หากสารอนุมูลอิสระนี้มีความเข้มข้นสูงก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย และสร้างความเสียหายต่อส่วนประกอบของเซลล์ ดีเอ็นเอ โปรตีน รวมถึงเยื่อหุ้มเซลล์ได้ โดยเป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกายเกิดความเหี่ยวชรา ผิวหนังเหี่ยวย่น และมีส่วนทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา โรคที่พบบ่อย เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคเบาหวาน โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น
โดยทั่วไปแล้วร่างกายคนเราจะสามารถสร้างเอนไซม์ เพื่อจับกับอนุมูลอิสระได้ด้วยตนเอง เช่น เอนไซม์ superoxide dismutase (SOD), เอนไซม์ catalase glutathione peroxidase และเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น การสร้างสารต้านอนุมูลอิสระจะลดลง ในขณะที่อัตราการเกิดอนุมูลอิสระยังเท่าเดิม ทำให้ร่างกายสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้ไม่เพียงพอ ต่อการกำจัดอนุมูลอิสระ เซลล์จึงเกิดการบาดเจ็บขึ้น ผลที่ตามมา คือ ทำให้ร่างกายเกิดความเหี่ยวชรา และเกิดโรคต่าง ๆ ตามมาดังที่ได้กล่าวไปแล้ว
ดังนั้น ทางเลือกที่เราสามารถทำได้ คือ การรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้ สารอาหารที่ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี เบต้าแคโรทีน แอนโทไซยานิดิน (anthrocyanin), สารประกอบโฟลีฟีนอลต่าง ๆ เช่น แทนนิน แคทซิชิน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังรวมถึงกรดอัลฟาไลโปอิก (Alpha-Lipoic Acid; ALA) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ร่างกายสามารถผลิตขึ้นเองได้ และสามารถพบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น ผักโขม บร็อกโคลี่ มันฝรั่ง ยีสต์ เนื้อแดง เครื่องใน เป็นต้น โดยได้มีการนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเซลล์ร่างกายจากความเสียหาย ช่วยรักษาระดับวิตามินซี และวิตามินอีในร่างกาย ช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต และให้พลังงานกับอวัยวะต่าง ๆ
การเกิดความเหี่ยวชรานั้น ไม่ใช่เรื่องของวัยทองหรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น แต่ต้องเริ่มตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นและวัย 30 ปีขึ้นไป โดยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ ผัก และผลไม้รสเปรี้ยว ได้แก่ ส้ม มะนาว ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ กีวี มะเขือเทศ, กลุ่มผัก ผลไม้สีเหลือง/ส้ม เช่น แครอท มะละกอสุก มะม่วงสุก มะเขือเทศ, อาหารที่มีวิตามินเอ ได้แก่ ปลา ตับ และไข่แดง, และผลไม้ที่มีไลโคปีนสูง เช่น มะเขือเทศ ฟักข้าว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงวัยทองรวมถึงผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระเพียงพอ ต่อการกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย เนื่องจากบางคนอาจได้รับจากอาหารที่รับประทานไม่ครบถ้วน และร่างกายผลิตไม่เพียงพอเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น การเสริมสารต้านอนุมูลอิสระจะยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
โดยเราสามารถหันมารับประทาน “M TALE CALLAGEN” ที่ประกอบด้วยกรดอัลฟาไลโปอิก กรดไขมันที่ได้รับการยอมรับว่าทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังประกอบด้วยซีบัคธอร์น (seabucthorn) แหล่งของวิตามินซีที่ได้จากธรรมชาติ ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยป้องกันผิวเสียจากแสงแดด และยังช่วยเสริมการสร้างคอลลาเจน จึงช่วยเพิ่มความเต่งตึงให้ผิวได้อย่างดีเยี่ยม อยากผิวสวยสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก ใช้ M TALE CALLAGEN เท่านั้นค่ะ
เอกสารอ้างอิง
1. J Midlife Health. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3952404/. 2013.
2. Lipids Health Dis. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5438513/. 2017.
3. Nutraingredients. https://www.nutraingredients-usa.com/Article/2018/08/22/Antioxidant-rich-diet-linked-to-lower-menopausal-symptoms-study-suggests. Access online: Nov 2019.