อาการวัยทองในผู้หญิงหรือที่เรียกว่า เมโนพรอส (Menopause) คือ ภาวะที่สตรีเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน โดยรังไข่หยุดการผลิตไข่จึงทำให้ไม่มีประจำเดือนอีกต่อไป โดยจะเรียกว่าเข้าสู่วัยทองอย่างสมบูรณ์ต่อเมื่อประจำเดือนไม่มาติดต่อกัน 1 ปีขึ้นไป ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทองโดยทั่วไปจะมีอายุโดยเฉลี่ยประมาณ 40 ปลาย ๆ หรือ 50 ต้น ๆ อาการวัยทองส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยที่อาการอาจหายไปเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยสูงอายุหรืออาจคงอยู่ไปตลอดชีวิตก็ได้
สาเหตุของการเกิดวัยทองในผู้หญิง
วัยทองในผู้หญิงเป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิง ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone) ที่ค่อย ๆ ลดต่ำลง ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกายและมีความสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น ฮอร์โมนเหล่านี้เป็นฮอร์โมนที่ถูกผลิตจากรังไข่ เมื่อรังไข่หยุดทำงานจึงทำให้สิ้นสุดการมีประจำเดือนอย่างถาวรร่วมด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาตามมา วัยทองในผู้หญิงหรือเมโนพรอส แบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่
1.ระยะก่อนหมดประจำเดือน (perimenopause)
เป็นระยะเริ่มแรกของการหมดประจำเดือน โดยในระยะนี้จะเป็นระยะเริ่มแรกที่ฮอร์โมนเพศหญิงค่อย ๆ ลดระดับลง ผู้หญิงจะสามารถสังเกตความผิดปกติของร่างกายได้จากสัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น ประจำเดือนมาผิดปกติ มีอาการร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย อารมณ์แปรปรวน และมึนศีรษะ ซึ่งระยะนี้จะเกิดต่อเนื่องได้ตั้งแต่ 1 ปี จนถึงหลายปี โดยในระยะนี้ผู้หญิงยังสามารถมีลูกได้อยู่ แต่อาจจะมีได้ยากกว่าปกติ
2.ระยะหมดประจำเดือน (menopause)
เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่การหมดประจำเดือนต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี ระยะนี้ผู้หญิงจะไม่สามารถมีลูกได้แล้ว และยังคงมีอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากการมีระดับฮอร์โมนเพศหญิงลดลง
3.ระยะหลังหมดประจำเดือน (postmenopause)
เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่หลังหมดประจำเดือนมาแล้วหลายปี ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและเกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น โรคกระดูกพรุน ช่องคลอดแห้ง โรคไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจ แพทย์อาจพิจารณาให้ฮอร์โมนทดแทนในกรณีที่มีความเสี่ยงหรือสัญญาณในการเกิดโรคต่าง ๆ สูงขึ้น
อาการของผู้หญิงวัยทอง
หลังจากที่ผู้หญิงเริ่มเข้าสู่วัยทองจะเริ่มมีอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเนื่องจากเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ลดลง เช่น อาการร้อนวูบวาบ (พบว่าผู้หญิงวัยทอง 75% มีอาการนี้) ช่องคลอดแห้ง อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ไม่สบายตัว มีเหงื่อออกตอนกลางคืน นอนไม่หลับ ผิวแห้ง ผมบางและร่วง มวลกล้ามเนื้อและมวลกระดูกลดลง ระบบเผาผลาญลดลง ไขมันสะสมมากขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง และโรคกระดูกพรุนได้ง่ายมากขึ้น
วิธีการดูแลตนเองสำหรับผู้หญิงวัยทอง
1.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเพศหญิงได้ดีขึ้น
2.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีกากใยสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง แป้ง และน้ำตาล เนื่องจากระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ลดลง หากทานอาหารดังกล่าวจะทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูงได้ง่ายขึ้น
3.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
4.ทำจิตใจให้แจ่มใส หลีกเลี่ยงความเครียดและวิตกกังวล
5.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
6.รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน นอกจากนี้ สมุนไพรบางชนิด เช่น ถั่งเช่า โสม สังกะสี โครเมียม วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี ยังออกฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สารสกัดจากหอยนางรม ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ หลายชนิด ได้แก่ สังกะสี คอปเปอร์ ซีลีเนียม และวิตามินบี 12 จึงมีส่วนช่วยเสริมวิตามิน ปรับสมดุลการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี หั วใจแข็งแรง และลดความอ่อนล้าของร่างกายได้เป็นอย่างดี
วันนี้เรามาแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ในการบำรุงรักษาสุขภาพกันแล้ว น่าจะทำให้คุณผู้หญิงสบายใจได้มากขึ้น เพียงหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทำจิตใจให้เบิกบาน หลีกเลี่ยงความเครียด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้อาการวัยทองดีขึ้นได้มากเลยล่ะค่ะ
แหล่งอ้างอิง
1.https://www.medicinenet.com/menopause/article.htm
3.https://www.healthline.com/health/menopause/menopause-facts#symptoms