ปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพและการดูแลร่างกายให้อ่อนกว่าวัย เป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความสนใจ โดยเฉพาะ Intermittent Fasting (อินเทอร์มิตเทนต์ ฟาสติง) หรือ IF ก็เป็นหนึ่งในกระแสการดูแลสุขภาพที่มีการพูดถึงอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ หลายท่านอาจกำลังสงสัยว่า IF คืออะไรกันแน่ บางคนอาจทราบบ้างว่าเกี่ยวกับการอดอาหาร แต่ไม่มั่นใจว่าได้ผลดีแค่ไหน ทำได้จริงไหม เราลองมาหาคำตอบกันดูค่ะ
Intermittent Fasting คืออะไร
IF คือ วิธีการจัดเวลารับประทาน โดยการอดอาหารเป็นช่วง ๆ แบ่งได้เป็นช่วงอด (Fasting) และช่วงกิน (Feeding) รูปแบบที่นิยมใช้กัน และไม่ทรมานตัวเองเกินไปนักคือ 16/8 คืออดอาหารเป็นเวลา 16 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงเวลานอนด้วย และรับประทานอาหารได้ในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง โดยสามารถปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการรับประทานให้เหมาะสมกับกิจวัตรประจำวัน เช่น
- ช่วงกิน เริ่มรับประทานอาหารได้ตั้งแต่ 9:00 – 17:00 แบ่งการรับประทานอาหารให้ครบ 3 – 4 มื้อ ห่างกันมื้อละ 2 - 3 ชั่วโมง โดยต้องได้รับพลังงานพียงพอกับ BMR ของเรา
- ช่วงอด ตั้งแต่หลัง 17:00 จนถึง 9:00 ของวันรุ่งขึ้น ให้งดการรับประทานอาหาร ผลไม้ และเครื่องดื่มที่ให้พลังงาน สามารถดื่มน้ำแร่หรือน้ำเปล่าได้ตามความต้องการ และเข้านอนก่อน 22:00 น.
หรือบางท่านจะทำ IF ช่วงวันหยุด ก็สามารถเริ่มช่วงอด หลัง 19:00 น. นอนตื่นสาย ๆ และเริ่มทานมื้อต่อไปในวันรุ่งขึ้นตอน 11.00 น. ก็สามารถทำได้ค่ะ โดยทำเป็นประจำอย่างน้อย 1 - 2 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอค่ะ
ประโยชน์ของ Intermittent Fasting
นิตยสาร Time ระบุเมื่อเดือนสิงหาคม 2018 ว่าการกินปกติหลาย ๆ วันแล้วสลับด้วยการกินน้อยช่วยปรับให้การเผาผลาญของร่างกายไปในทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ IF ยังมีประโยชน์ด้านการชะลอวัย
1. กระตุ้น Autophagy หรือปฏิกิริยาที่เซลล์กินชิ้นส่วนของตัวเองเพื่อความอยู่รอด ระบบนี้เป็นการทำลายขยะ หรือชิ้นส่วนที่ผุพังของเซลล์เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เปรียบเสมือนระบบกำจัดและรีไซเคิลขยะ ซึ่งดีกับสุขภาพตรงที่ลดความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ลดการอักเสบในร่างกาย
2. กระตุ้น Human Growth Hormone (HGH) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของร่างกาย และการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังกระตุ้นการการสลายไขมัน ระดับของฮอร์โมนนี้ในร่างกายจะพุ่งสูงมากกว่า 5 เท่าเลยทีเดียว ทำให้ลดการสะสมของไขมัน เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการออกกำลังกาย
3. ช่วยให้สมองปลอดโปร่งและอยู่ห่างอัลไซเมอร์ มีผลการวิจัยในปี 2016 ค้นพบว่าระบบประสาททำงานได้ดียิ่งขึ้นเมื่อเรางดอาหาร โดยสมองส่วนหน้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ทั้งยังเพิ่มความสามารถด้านความรู้ความเข้าใจ การทำ IF สามารถช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์และลดความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย
4. การหลั่งอินซูลิน (Insulin) ลดลง ทำให้การเก็บกลูโคสในเลือดเข้าสู่เซลล์ลดลง จึงมีการสะสมของไกลโคเจน และไขมันใต้ผิวหนังลดลงด้วย
โดยสรุปคือ Intermittent Fasting จะช่วยเสริมกลใกในการชะลอวัย ลดการอักเสบของร่างกาย และป้องกันร่างกายจากโรคร้ายได้ดีขึ้น
ข้อควรรู้ของผู้ที่จะเริ่มทำ Intermittent Fasting
- หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาหมอและผู้เชี่ยวชาญก่อน เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรทำ
- IF อาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องทำงานหนัก หรือใช้เวลาทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะการอดอาหารอาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานไม่ต่อเนื่องตามความต้องการ จนรู้สึกอ่อนเพลีย หากต้องการทำ อาจเลือกทำในวันหยุด แค่ 1 วันต่อสัปดาห์
- ในช่วง Feeding ควรรับประทานอาหารที่มีโภชนาการเหมาะสมและพียงพอต่อร่างกาย