หลาย ๆ คนคิดว่าโรคกระดูกเสื่อมมักจะเกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น แท้จริงแล้วโรคกระดูกเสื่อมสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย โดยเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยทอง ทั้งนี้ หากเราสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้ดี ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกเสื่อมลงไปได้มากเลยค่ะ วันนี้แอดมินจะพามาทำความรู้จักกับโรคกระดูกเสื่อม ว่าโรคนี้มีสาเหตุเกิดจากอะไร วิธีสังเกตอาการเบื้องต้น รวมวิธีการป้องกันและการรักษา
สาเหตุของโรคกระดูกเสื่อม
โรคกระดูกเสื่อมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่
1. กลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดหรือเกิดจากความเสื่อมของร่างกาย ส่วนใหญ่บริเวณที่พบบ่อย คือ โรคกระดูกเสื่อมที่ข้อนิ้ว และข้อปลายนิ้ว โดยเมื่ออายุมากขึ้นจะเป็นโรคกระดูกที่บริเวณข้อที่ทำหน้าที่รับน้ำหนัก เช่น โรคกระดูกข้อเข่าเสื่อม ส่วนมากพบในผู้หญิงเอเชีย ส่วนผู้หญิงฝั่งยุโรปมักป่วยเป็นโรคกระดูกข้อสะโพกเสื่อม
2. กลุ่มโรคที่เกิดจากการบาดเจ็บเพราะอุบัติเหตุ เช่น โรคกระดูกข้อสันหลังเสื่อม การก้มเงยบ่อยหรือผิดท่า การยกหรือถือของหนักต่อเนื่องและเป็นระยะเวลานาน
กลุ่มช่วงวัยที่เกิดโรคนี้ไม่สามารถกำหนดได้ เพราะบางครั้งโรคนี้อาจต่อเนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือป่วยด้วยโรคเลือดฮีโมฟีเลีย หรือการมีเลือดออกในข้อเข่า หากมีอาการหนักขึ้นก็สามารถทำให้กระดูกข้อเข่าเสื่อมได้ ส่วนคนไข้ที่มีรูปร่างกระดูกผิดปกติ เช่น ขาโก่งแต่กำเนิด เกิดเนื้องอกของเยื่อหุ้มข้อ การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อวัณโรคในข้อกระดูกสะโพก หรือข้อเข่า ก็จะทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้เร็วตั้งแต่เด็ก ๆ
อย่างไรก็ตาม สำหรับโรคข้อเข่าเสื่อมส่วนใหญ่มักพบในวัย 50+ หรือวัยทอง มักเกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีกระดูกที่สามารถผิดรูปได้มากกว่า เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน ร่างกายจะขาดฮอร์โมนเพศหญิงหรือฮอร์โมนเอสโทรเจน ที่เรียกว่าวัยทอง ส่งผลให้เกิดการสร้างแคลเซียมลดลงและแคลเซียมสลายออกไปจากกระดูกมากขึ้น ทำให้กระดูกบางลงจึงเกิดภาวะกระดูกพรุนได้ง่าย เมื่ออายุมากขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ข้อเข่าก็จะโก่งงอ ส่งผลให้ข้อกระดูกสันหลังค่อมลง หรือหากเกิดการหกล้มก็จะเกิดกระดูกหักได้ง่ายกว่าคนปกติ เพราะมีโรคกระดูกเสื่อมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั่นเอง
วิธีสังเกตโรคกระดูกเสื่อม
สัญญาณบอกเหตุเบื้องต้น คือ มีอาการเจ็บปวดตามแนวกระดูกที่มีปัญหา หรือก้านคอเมื่อขยับร่างกาย อวัยวะที่มีการเสื่อมของกระดูกจะขยับได้น้อยลง มีเสียงดังตามข้อต่าง ๆ เมื่ออพลิกหรือขยับตัว ซึ่งหากเกิดอาการเหล่านี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงหรือเกิดกระดูกหักในภายหลัง
วิธีป้องกันการเกิดโรคกระดูกเสื่อม
โรคกระดูกเสื่อมเป็นโรคที่เมื่อเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพของตนเองไม่ให้เกิดโรคกระดูกเสื่อม
1. รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะวัย 30+ ซึ่งร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนเพศลดลง ควรได้รับแคลเซียมและสารอาหารบำรุงข้อเพิ่มเติม เช่น “ยูซีทู” (Undenatured Collagen) คอลลาเจนชนิดที่ 2 แคลเซียมทรูแคล (TRUCAL®) แมกนีเซียม นม และงาดำ เป็นต้น
2. ออกกำลังกายเป็นประจำต่อเนื่อง 30 นาที อย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ เช่น การเดิน การวิ่ง เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้การออกกำลังกายร่วมกับการยกน้ำหนัก จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงทั้งในส่วนของกระดูกและกล้ามเนื้อ
3. ออกไปรับแสงแดดยามเช้า วันละ 10-15 นาที จะช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี และกระปรี้กระเปร่า
4. รักษาน้ำหนักตัวอย่าให้ต่ำหรือสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายต้องแบกรับน้ำหนักเยอะตามไปด้วย
5. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุน เช่น การดื่มน้ำอัดลมปริมาณมาก เพราะกรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลมทำให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะลดการดูดซึมแคลเซียมของลำไส้เล็ก งดการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่กระตุ้นให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น
วิธีการดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคกระดูกเสื่อม
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจากการเดินและท่านั่งที่ถูกต้อง คือ นั่งตัวตรงและนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง ไม่ยกของหนักมากเกินไป ไม่ก้มเงยบ่อย ยกของโดยใช้ท่าทางที่ถูกต้อง และควรยืดเส้นยืดสายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อบ้าง
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสะพายกระเป๋าหนัก หรือหิ้วของหนักข้างใดข้างหนึ่งต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทบริเวณสะบัก ทำให้กล้ามเนื้อมีอาการอักเสบ หรืออาจมีการชาของเส้นประสาทได้ หากมีอาการปวดต้นคอ หรือชาปลายนิ้วมือ ควรพบแพทย์ทันที
การออกกำลังกาย ก็เป็นแนวทางป้องกันให้เกิดโรคกระดูกพรุน กระดูกคด หรือผิดรูปได้น้อยลง แต่สำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกเสื่อมสามารถออกกำลังกายได้ แต่ไม่ควรหักโหมมากเกินไป อาจวิ่งจ๊อกกิ้งเบา ๆ 4-5 วันต่อสัปดาห์
การรับประทานอาหาร ควรเลือกรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการครบ 5 หมู่ เน้นอาหารกลุ่มผักและผลไม้ โปรตีน และข้าวไม่ขัดสี และไขมันดีในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการรับประทานของหวาน แป้ง และอาหารมัน ๆ มากเกินไป
วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการเกิดโรคกระดูกเสื่อม คือ การป้องกัน เราจึงควรรับประทานอาหารเสริมในส่วนที่ร่างกายต้องการเพิ่มขึ้น M TALE CALLAGEN ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ออกแบบมาเพื่อบำรุงกระดูกและข้อโดยเฉพาะ ครบถ้วนไปด้วยคุณประโยชน์ ประกอบไปด้วยทรูแคล (TRUCAL®) แร่ธาตุแคลเซียมจากน้ำนมธรรมชาติคุณภาพเยี่ยมนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและข้อมากถึง 6 ชนิด ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี และทองแดง “ยูซีทู (UC-II)” คอลลาเจนชนิดที่ 2 นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับคอลลาเจนที่ร่างกายเราสร้างขึ้นตามธรรมชาติ ช่วยซ่อมแซมและบำรุงข้อ ลดการอักเสบ โดยเร่งให้ร่างกายสร้างแคลเซียมเพิ่มขึ้น ลดอาการปวดข้อ กระดูกเสื่อม และช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวได้สะดวก นอกจากนี้ งาดำและสารสกัดจากเปลือกสนธรรมชาติ ยังช่วยลดการอักเสบของข้อ และลดการเสื่อมของกระดูกได้อีกด้วย
M TALE CALLAGEN ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติ เพื่อสุขภาพของกระดูกและข้อที่แข็งแรง
เอกสารอ้างอิง