
อาการเหน็บชา หรือ ชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า เป็นอาการที่พบมากในกลุ่มวัยทำงานและวัยสูงอายุ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึง สาเหตุจากโรคบางชนิด เช่น โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท งูสวัด เบาหวาน ปวดศีรษะไมเกรน ลมชัก หลอดเลือดสมอง เป็นต้น นอกจากนี้ การได้รับสารอาหารไม่เพียงพอก็อาจเป็นสาเหตุของความเสียหายของเส้นประสาทได้เช่นกัน โดยเฉพาะการขาดวิตามิน B1, B6, B12 เพราะวิตามิน B เหล่านั้นมีความจำเป็น ต่อความสมบูรณ์ของเส้นประสาท หากรู้สึกเหน็บชาหรือมีอาการปวดเสียวบริเวณปลายมือหรือเท้า นั่นอาจแสดงว่าเส้นประสาทได้รับการบำรุงไม่เพียงพอก็เป็นได้
สำหรับอาการชาหากมีอาการไม่มาก เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ถือเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ และทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปลายประสาทอักเสบ หรือการขาดวิตามิน ดังนั้น จึงไม่ควรนิ่งนอนใจหากมีอาการมือเท้าชาบ่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์อย่างทันท่วงที
“ปลายประสาทอักเสบ” เป็นกลุ่มอาการของเส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับคำสั่งจากสมองและไขสันหลัง ไปยังอวัยวะต่าง ๆ หากเส้นประสาทจุดใดจุดหนึ่งมีปัญหา อาจส่งผลให้อวัยวะส่วนนั้นทำงานผิดปกติ และเกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้าได้ ส่งผลให้การรับรู้ความรู้สึกเจ็บ ปวด ร้อน หรือเย็นน้อยกว่าปกติหรือไม่มีความรู้สึกเลย บางคนอาจรู้สึกซ่า ๆ หรือมีอาการเหมือนมีอะไรยุบยิบตามปลายมือปลายเท้าแล้วก็หายไปหรือเป็นตลอด บางคนอาจพบปัญหาในการสามารถควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือบาดแผลที่บริเวณต่าง ๆ ตามมาได้ นอกจากนี้ จะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง เสียสมดุลร่างกาย ท้องผูก และน้ำหนักลดลงร่วมด้วย
สำหรับการรักษาอาการชาปลายมือปลายเท้า จะเป็นการรักษาที่ต้นเหตุของภาวะโรคที่เกิดขึ้น เช่น การที่มีระดับแร่ธาตุและวิตามินที่ผิดปกติไป เช่น ขาดวิตามิน บี 1 - 6 - 12 ก็อาจรักษาโดยการรับประทานวิตามินบีรวมบำรุง หรือรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของวิตามินในปริมาณที่เพียงพอ หากสาเหตุเกิดจากการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ในผู้ป่วยเบาหวาน ก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หรือหากเกิดจากปลายประสาทอักเสบ อาจต้องรับประทานยาเพื่อรักษาปลายประสาท หรืออาจต้องทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติที่เกิดขึ้น
สำหรับการบรรเทาอาการจากโรคเส้นประสาทมีได้หลายวิธี เริ่มแรกควรรับประทานอาหารที่มีปริมาณวิตามิน B เพียงพอ หรืออาจรับประทานวิตามินเสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามิน B1 B6 และ B12 ซึ่งเป็นวิตามินที่มีส่วนสำคัญต่อการบำรุงรักษาเส้นประสาท
วิตามิน B1 หรือไทอามีน (Thiamine) ทำหน้าที่สร้างชั้นปกป้องเส้นประสาทขณะที่มีการรับส่งกระแสประสาท การขาดไทอามีนจึงทำให้เกิดการทำลายเส้นประสาท สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วยเป็นอย่างมาก รบกวนกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท
วิตามิน B6 หรือไพริด็อกซีน (Pyridoxine) มีส่วนช่วยในการขนส่งกลูโคสในร่างกาย การขาดวิตามินจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ โดยระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงต่อเนื่องจะไปทำลายระบบประสาท ทำให้เกิดโรคเส้นประสาทได้ การขาดวิตามิน B6 เป็นสาเหตุหนึ่งในการเกิดโรคปลายประสาทอักเสบในผู้ป่วยเบาหวาน
วิตามิน B12 หรือ โคบาลามิน (Cobalamin) มีความสำคัญต่อระบบประสาท เนื่องจากส่งเสริมให้เกิดการสร้างและเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท เมื่อขาดวิตามิน B12 เป็นเวลานาน เยื่อที่ห่อหุ้มและป้องกันเส้นประสาทจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดโรคเส้นประสาทขึ้นมาได้
M TALE CALLAGEN ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงและฟื้นฟูร่างกายสำหรับทุกวัย มีส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี 3 (ไนอะซินาไมด์) วิตามินบี 12 วิตามินอี แคลเซียม สังกะสี เหล็ก เป็นต้น ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันและบรรเทาอาการชาตามปลายมือปลายเท้า ช่วยบำรุงปลายประสาท
นอกจากนี้ ยังมีส่วนประกอบของคอลลาเจน เปลือกสน อะเซโรลา เชอร์รี่ ซีบัคธอร์น งาดำ ทับทิม มะเขือเทศ ตังกุย โคเอ็นไซม์คิวเท็น และสารสกัดเมล็ดองุ่น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และปรับสมดุลร่างกายอย่างรอบด้าน เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงสมวัย
แหล่งอ้างอิง
1. Healthline. https://www.healthline.com/health/symptoms-of-vitamin-b-deficiency. August 12, 2020.
2. NHS. https://www.medicalnewstoday.com/articles/325292. May 28, 2019
3. Ncbi. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4772032/. Jan 28, 2016.