
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิต้านตนเอง (autoimmune disease) มีลักษณะเฉพาะ คือ มีการอักเสบรุนแรงของข้อโดยเฉพาะข้อนิ้วมือ ข้อนิ้วเท้าพร้อมกันหลายข้อ ทำให้ข้อติดขัด เคลื่อนไหวลำบาก เมื่อข้ออักเสบเป็นเวลานานข้อจะถูกทำลาย จนถึงขั้นผิดรูป และเกิดความพิการตามมาได้ นอกจากอาการทางข้อแล้ว ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแสดงในอวัยวะอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ตา ประสาท และกล้ามเนื้อ เป็นต้น
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ แต่มีความสัมพันธ์กับโรคภูมิต้านตนเอง (autoimmune diseases) หรือการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เข้าใจผิดคิดว่าเนื้อเยื่อร่างกายคือสิ่งแปลกปลอม จึงเกิดการทำร้ายเนื้อเยื่อตนเอง ทำให้เกิดการอักเสบ มีน้ำในข้อเพิ่มขึ้นจนทำให้ข้อบวม ปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม และการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
สำหรับอาการของโรครูมาตอยด์ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการปวดข้อ โดยเฉพาะข้อเล็ก ๆ เช่น ข้อนิ้วมือ ข้อนิ้วเท้า ส่วนข้อใหญ่ ๆ เช่น ข้อเข่า ข้อสะโพก อาจพบได้แต่ไม่บ่อย ซึ่งการปวดนี้จะแตกต่างจากการปวดจากการใช้งาน ที่มักปวดเมื่อมีการใช้ข้อมากกว่าปกติ แต่การปวดจากข้ออักเสบมักจะปวดในขณะพัก หรือไม่ได้มีการใช้งานข้อ เช่น ปวดกลางดึก ปวดตอนเช้าหลังจากตื่นนอน หรือขณะพักผ่อน โดยอาการปวดข้อ ข้อบวม และเคลื่อนไหวข้อลำบาก จะเป็นมากที่สุดช่วงตื่นนอนเช้า และอาจมีอาการอยู่นาน 1-2 ชั่วโมงหรือทั้งวันก็ได้ แม้รับประทานยาแก้ปวดแล้วอาการดีขึ้น แต่ก็ไม่หายขาด นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรครูมาตอยด์อาจมีอาการอ่อนเพลีย มีไข้ต่ำ ๆ เบื่ออาหาร ตาแห้ง คอแห้งผิดปกติ พบก้อนใต้ผิวหนังบริเวณข้อศอกและข้อนิ้วมือ ในรายที่รักษาไม่ทันการอาจเกิดการทำลายข้อถาวร ทำให้ข้อพิการผิดรูปได้
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดข้อ ควรเข้ารับการวินิจฉัยหาสาเหตุและรักษา เพื่อหยุดยั้งการอักเสบและถูกทำลายของข้อให้เร็วที่สุด ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม จะมีโอกาสชะลออาการของโรค และเกิดความพิการได้น้อยกว่า วิธีการดูแลตนเองเบื้องต้น ได้แก่
- รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินซีอย่างเพียงพอ เพื่อบำรุงเนื้อเยื่อและข้อต่าง ๆ
- ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน เพื่อลดการรับน้ำหนักของข้อ
- ออกกำลังกายข้อเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของข้อและร่างกาย โดยควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำลายข้อ เช่น การกระโดด การยกของหนัก นั่งยอง ๆ นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ หรือนั่งกับพื้น
- พบแพทย์เฉพาะทางตามนัดทุกครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยา
สำหรับการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมอย่างเพียงพอ จำเป็นต้องรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ นอกจากนี้ อาจรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมและสารอาหารบำรุงข้อ เช่น M TALE CALLAGEN ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องข้อโดยเฉพาะ ประกอบด้วย ด้วย “ทรูแคล (TRUCAL®)” นวัตกรรมแคลเซียมนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา จากแหล่งน้ำนมธรรมชาติ 100% ประกอบด้วยแร่ธาตุสำคัญ ที่ร่างกายต้องการสำหรับบำรุงกระดูก ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โพแทสเซียม สังกะสี และทองแดง ทรูแคลได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ ว่าสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก และลดการทำลายกระดูกอย่างได้ผล “ยูซีทู (Undenatured Collagen Type II; UC-II)” คอลลาเจนชนิดที่ 2 ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้น ออกฤทธิ์ซ่อมแซมข้อส่วนที่เกิดความเสียหาย โดยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ข้อเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนเนื้อเยื่อข้อที่ถูกทำลายไป และออกฤทธิ์ช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวได้ดี ลดอาการข้อติดขัด และลดความเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อได้ด้วย ทำให้ร่างกายเกิดการซ่อมแซมข้อตามธรรมชาติ นอกจากนี้ “สารสกัดจากเปลือกสน” ยังช่วยลดการอักเสบของข้อได้อีกด้วย M TALE CALLAGEN จึงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยฟื้นฟูข้อได้อย่างแท้จริง
เอกสารอ้างอิง
1. Arthritis.org. https://www.arthritis.org/diseases/rheumatoid-arthritis. Access online: 5 Oct 2020.
2. Centers for Disease Control and Prevention , National Center for Chronic Disease Prevention and Health Promotion , Division of Population Health. https://www.cdc.gov/arthritis/basics/rheumatoid-arthritis.html. Access online: 5 Oct 2020.
3. rheumatology.org. https://www.rheumatology.org/I-Am-A/Patient-Caregiver/Diseases-Conditions/Rheumatoid-Arthritis. Access online: 5 Oct 2020.
4. NHS. https://www.nhs.uk/conditions/rheumatoid-arthritis/. 28 August 2019.