โรคซึมเศร้าเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังป่วย หรืออาจรู้ตัวอีกทีเมื่ออาการของโรครุนแรงมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงเป็นโรคที่พรากชีวิตหลายคนไปโดยไม่ทันตั้งตัว อย่างไรก็ตาม มีคนบางกลุ่มที่มีอาการหดหู่หรือวิตกกังวลจากผลพวงของการเข้าสู่วัยทอง ซึ่งเกิดจากการที่ระดับฮอร์โมนลดลงตามธรรมชาติเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หลายคนจึงเกิดข้อสงสัยว่าตกลงแล้วเราเป็นโรคซึมเศร้าจริงหรือแค่หดหู่เฉย ๆ ดังนั้น การแยกแยะ 2 กลุ่มอาการนี้ออกจากกัน จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ เพื่อช่วยเหลือตัวคุณเองและคนรอบข้างให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้คะ
สาเหตุของโรคซึมเศร้า
สาเหตุของการเกิดโรคซึมเศร้านั้นมาจากการที่สมองมีการสร้างสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดความสุขลดลง ได้แก่ ซีโรโทนิน (serotonin), โดพามีน (Dopamine) และนอร์อีพิเนฟริน (norepinephrine)
อาการของโรคซึมเศร้า
1. อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป มีอารมณ์เศร้า หดหู่ สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย อ่อนไหวง่ายกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่แจ่มใส ไม่สดชื่นเหมือนเดิม เบื่อหน่าย ไม่อยากทำสิ่งที่เดิมตนเคยชื่นชอบ หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย
2. ความคิดเปลี่ยนไป คิดอะไรก็รู้สึกว่าแย่ไปหมด รู้สึกท้อแท้หมดหวังกับชีวิต รู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถ ไร้คุณค่า เป็นภาระของคนอื่น เมื่ออารมณ์เศร้าหรือความรู้สึกหมดหวังมีมากขึ้นและมีเหตุการณ์มากระทบกระเทือนจิตใจก็อาจเกิดการทำร้ายตนเองขึ้นได้จากอารมณ์ชั่ววูบ
3. ความจำแย่ลง หลงลืมง่าย จิตใจเหม่อลอย ไม่มีสมาธิ ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
4. มีอาการทางร่างกาย เช่น อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง ปัญหาด้านการนอนก็พบบ่อยเช่นกัน มักจะหลับยาก นอนไม่เต็มอิ่ม หลับ ๆ ตื่น ๆ เบื่ออาหารหรือกินจุมากผิดปกติ น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมาก
อาการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอาจเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือเป็นเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์เลยก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การมีความรุนแรงของเหตุการณ์ที่มากระทบ สภาพสังคมที่เป็นอยู่ การช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เป็นต้น
แล้วตกลงเราเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า ?
ผู้เป็นโรคซึมเศร้าจะมีอาการดังต่อไปนี้ 5 อาการหรือมากกว่า และต้องมีอาการในข้อ 1 หรือ 2 อย่างน้อย 1 ข้อ นาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป โดยอาการเหล่านี้จะอยู่เกือบตลอดเวลาแทบทุกวัน ไม่ใช่เป็น ๆ หาย ๆ เป็นเพียงแค่วันสองวันหายไปแล้วกลับมาเป็นใหม่ หากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้างเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้าควรพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันผลและหาทางรักษาร่วมกัน
1. มีอารมณ์ซึมเศร้าแทบทั้งวัน (ในเด็กและวัยรุ่นอาจเป็นอารมณ์หงุดหงิดก็ได้)
2. หมดความสนใจหรือความเพลินใจในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งวัน
3. น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก (น้ำหนักเปลี่ยนแปลงมากกว่า 5% ต่อเดือน) หรือมีการเบื่ออาหารหรือเจริญอาหารมาก
4. นอนไม่หลับ หรือหลับมากไป
5. กระวนกระวาย อยู่ไม่สุข หรือเชื่องช้าลง
6. อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
7. รู้สึกตนเองไร้ค่า
8. สมาธิลดลง ใจลอย
9. คิดเรื่องการตาย คิดหาวิธีในการฆ่าตัวตาย
การรักษาโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าสามารถรักษาให้หายได้ ยิ่งได้รับการรักษาเร็วเท่าไหร่ อาการจะดีขึ้นเร็วเท่านั้นและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ การรักษาโรคซึมเศร้าสามารถทำได้หลายวิธีซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการักษาด้วยยา ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่จะช่วยเพิ่มระดับสารสื่อประสาทซีโรโทนิน, โดพามีน และนอร์อีพิเนฟรินนั่นเอง
อาการหดหู่หรือวิตกกังวลจากวัยทอง
อาการวัยทองเกิดจากร่างกายสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อจิตใจและร่างกายเป็นอย่างมาก ทางด้านจิตใจพบว่าทำให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยลดลง ทำให้เกิดอาการหงุดหงิดได้ง่าย สมาธิไม่ดี หลงลืมง่าย นอนไม่หลับ ปวดหัว เวียนหัว เหนื่อยล้า และอาจจะรู้สึกซึมเศร้าหรือะหดหู่ได้ อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงแรกและมักจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าที่อาการทางจิตใจดังกล่าวเกิดขึ้นเกือบตลอดเวลาและไม่หายไป
การรักษาอาการหดหู่หรือวิตกกังวลจากวัยทอง
สามารถทำได้โดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เข้าสังคมที่ทำให้ได้มีการพบปะพูดคุยกับผู้อื่นเพื่อคลายความกังวล ปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีกากใยมากแต่ไขมันน้อย นอกจากนี้ การรับประทานอาหารเสริมหรือสมุนไพรบางชนิด เช่น ถั่งเช่าทิเบต โสมเกาหลี และโกจิเบอร์รี่ ก็มีผลช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของคุณผู้หญิงให้ดีขึ้นได้ด้วยอีกทางหนึ่งคะ
เอกสารอ้างอิง
https://health.clevelandclinic.org/can-menopause-cause-your-anxiety-or-panic-attacks/
https://www.medicalnewstoday.com/articles/317552.php